 | บทความนี้จะคุยเรื่อง " หนังกลางแปลง "
ย้อนหลังไปสมัยช่วงหนังกลางแปลงยังได้รับความนิยมตามต่างจังหวัด หรือในชนบท ผู้เขียนได้มีโอกาศอยู่ในช่วงเวลานั้นพอดี ช่วงนั้นอายุราวๆ 8-9 ขวบ ยังเด็กอยู่ หนังเรื่องแรกๆที่จำความได้ที่ได้ดู เป็นหนังขายยา มากับรถตู้ เครื่องฉายหนังจะอยู่ในตัวรถ ด้านนอกมีจอหนังขนาดใหญ่พอประมาณ มีตู้ลำโพง2 ตัวติดตั้งบริเวณด้านซ้ายและด้านขวาของจอหนัง สมัยนั้นหนังขายยาระบบเสียงจะไม่มีเสียงในฟิล์ม เจ้าของหนังจะเป็นคนพากษ์เองสดๆ จำได้ว่าเคยได้มีโอกาศดูหนังขายยา 2 เรื่อง คือเรื่อง " ระฆังผี " และเรื่อง " แม่นาคพระโขนง " น่าจะเป็นการสร้างใหม่ คงจะเป็นยุคที่2 คนพากษ์หนังพากษ์ได้เก่งมาก ทำเสียงผู้หญิง ผู้ชาย และตัวแสดงอื่นๆได้ทุกตัว ที่ชอบที่สุดคือ เป็นหนังผีที่น่ากลัวมาก แต่พากษ์หนังได้ตลกสุดๆ ประทับใจมากๆ แม้ว่าเวลาผ่านมาเนิ่นนานแล้ว สมัยนั้นตลกคาเฟ่ยังไม่นิยม การได้ดูหนังพากษ์สดแบบตลกถือว่าสุดยอดมากๆแล้ว การฉายหนังเจ้าของหนังจะฉายหมด 1 ม้วนจะหยุดขายยา1 ครั้ง หนัง 1 เรื่องจะมีม้วนหนัง 6 ม้วน การฉายเขาจะฉายแค่คืนละ 1 เรื่องเท่านั้น สินค้าที่ขายก็ทั่วๆไปเช่น ยาดม, ยาหม่อง,น้ำหอม, หมากฝรั่ง, แป้ง, สบู่ ,สารพัดยา ฯล ก็ขายดีพอสมควรมีคนอุดหนุนตลอด อาจจะมีขัดใจบ้างกำลังดูหนังติดพันแบบน่ากลัวๆมากๆ จะถึงช่วงหยุดขายยาพอดี แต่ยอมรับได้ เพราะเป็นธุรกิจของเขาและเป็นหนังฟรี สมัยก่อนหนังผีทำหน้ากลัวมาก ถ่ายทำกันในป่าช้าจริงๆตอนกลางคืน การจัดแสงไฟจะมืดแบบธรรมชาติมาก เน้นสมจริงสมจัง บวกกับบรรยากาศบ้านนอกกลางคืนจะมืดสนิทรอบๆบริเวณที่ฉายหนัง ดูไปวังเวงและเสียวสันหลังไปตามประสาเด็กๆ...
นอกจากนี้ก็จะได้ดูตามงานพิธีต่างๆชอบมาก เพราะเป็นหนังฟรี แม้ว่าบ้านงานจะอยู่ไกลข้ามหมู่บ้านและบางครั้งเขาไม่ได้เชิญก็ยังไปเพื่อที่จะดูหนังกลางแปลงให้ได้ สมัยก่อนหนังปิดวิกกลางแปลงหรือหนังจัดฉายงานพิธีตามบ้าน จะนิยมฉาย 5 เรื่อง ฉายกันโต้รุ่ง หนังสมัยนั้นที่ฮิตๆกันก็เป็นหนังบู๊ " สรพงษ์ "เป็นพระเอก คนชอบดุกันมากมาย พระเอกจะชนะผู้ร้ายตลอดและตำรวจจะมาตอนจบ หนังที่จำได้มี "เสาร์5 " หนังฝรั่งสงคราม "50 เดนตาย" เวลามีหนังกลางแปลงมาปิดวิกเก็บเงินจะมีรถขยายเสียงประกาศไปทั่วบริเวณใกล้กับที่ฉายหนัง เด็กๆได้ฟังจะตื่นเต้นมากเพราะสมัยก่อนตามบ้านนอก ไม่มีสิ่งบันเทิงใดๆนอกจาก หนังกลางแปลง กับ วงดนตรีลูกทุ่งเท่านั้น ทำให้ได้รับความนิยมมาก ส่วนใหญ่หนังกลางแปลงล้อมรั้วเก็บเงินจะฉายหนังแค่2 เรื่องเท่านั้น ส่วนใหญ่จะมาฉาย เดือนละ 2-3 ครั้ง
เคยมีเหตุการณ์สำคัญในการดูหนังกลางแปลงเก็บเงินแบบนี้ คือหนังฉายเรื่องแรกไปได้เกือบจบเรือง เครื่องฉายเกิดเสียขึ้นมา เจ้าของหนังเลยขออนุญาติคนดู ขับรถกลับไปเอาเครื่องฉายอีกตัวมาแทน ระยะทางระหว่างตรงที่ฉายหนังไปในตัวจังหวัดระยะทางไกล 35 ก.ม. คนที่มาดูหนังยอมนั่งรอเครื่องฉายหนังตัวใหม่เพื่อที่ว่าจะดูให้จบไม่มีใครยอมกลับบ้านเลยซักคน....
อีกเหตุการณ์ที่สำคัญ ตอนนั้นยังเป็นเด็กอายุราวๆ 10 ขวบคืนนึงผู้เขียนได้ปั่นจักรยานเก่าๆจากบ้านไปนั่งดูหนังกลางแปลงคนเดียวระยะทางระหว่างบ้านไปที่ฉายหนังประมาณ 2 ก.ม.คืนนั้นมีการฉายหนัง2 เรื่องเป็นหนังจีนกำลังภายใน1 เรื่อง และหนังผีไทย 1 เรื่อง หลังดูหนังจบก็กลับบ้านตามปกติ ทางกลับบ้านจะผ่านทุ่งนา สวนยาง สวนปาล์ม ที่มืดครึ่ม ตอนขามาหัวค่ำ ยังรู้สึกคึกคักที่จะได้ดูหนังรู้สึกไม่ค่อยน่ากลัวอะไร แต่พอขากลับหนังเลิกฉายเป็นเวลาดึกมากราวๆ ตี1 รู้สึกกลัว เพราะยิ่งดึกแถวบ้านนอกจะเงียบวังเวงมากสมัยนั้นไฟฟ้ายังไม่มี และในหมู่บ้านที่อยู่มีหลายบ้านที่จะต้องผ่านมีคนตาย มีทั้งตายโหง ตายธรรมชาติ ถูกยิงตาย ซึ่งโดยปกติคนชนบทบ้านนอกเวลามีคนตายจะนิยมจัดงานศพที่บ้านเลยทุกบ้าน และเส้นทางที่ผู้เขียนจะต้องผ่าน มีบ้านหลังหนึ่ง เพิ่งจะเสร็จงานศพไปได้ 7 วันพอดี บ้านนี้คนที่ตายถูกยิงตาย เป็นเรื่องบังเอิญอย่างมากพอผ่านหน้าบ้าน ได้ยินเสียงหมาหอน รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที และ มีเสียงเหมือนมีลูกมะพร้าวหล่นใกล้ๆ ด้วยสัญชาติญาณ ของเด็กที่ปกติกลัวผีอยู่แล้ว รีบปั่นจักรยานหนีทันที แต่ซวยหนักเข้าไปอีกเมื่อจักรยานเก่าๆที่ใช้อยู่ดันโซ่มาหลุดอีก พอดี ซึ่งจักรยานคันนี้ปกติมันก็มักจะโซ่หลุดอยู่บ่อยๆเพราะว่าลูกปืนตัวจักรปั่นด้านหน้ามันหลวมคลอนอยู่เนื่องจากมันสึก ลูกปืนแตกยังไม่ได้เปลี่ยน ซึ่งเวลากลางวันตามปกติเวลาโซ่หลุดจะใชไม้เขี่ยเพื่อให้มันกลับเข้าไปในร่องเฟืองและสามารถใช้งานได้ แต่ในเหตุการที่น่ากลัวตอนนี้คือใช้วิธีเข็นวิ่งให้พ้นบ้านหลังนั้นก่อนแล้วใช้มือเลย ย้ำว่ามือเปล่าจับโซ่ที่เลอะไปด้วย น้ำมันเครื่อง+จารบีที่หยอดไว้ที่โซ่เพื่อหล่อลื่น จับใส่ร่องให้เข้าที่หลังจากนั้นรีบปั่นจักรยานหนีเสียงหมาหอนสุดชีวิตจนถึงบ้าน เหตุการณ์ครั้งนั้น จำได้แม่นจนกระทั่งถึงบัดนี้แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานมากแล้ว...
ว่ากันเรื่องอุปกรณ์เครื่องฉายสมัยก่อนเขาจะใช้ลวดเชื่อมแล้วหมุนมาชนกันเพื่อให้เกิดแสงสว่างจ้าตรงด้านบนเครื่องฉายจะมีปล่องเพื่อให้ควันมันระบายออกทำให้มีลำแสงสว่างออกไปทางปล่องด้วยมองเห็นด้วยตาในระยะไกลมาก แต่ในสมัยปัจจุบัน เขาใช้หลอดไฟฮาโลเจนแทน สำหรับรูปจอหนังที่ถ่ายได้มาการการไปเที่ยวเมืองสามอ่าว (จ.ประจวบคีรีขันธ์) บริเวณอ่าวประจวบ เมือเดือน ก.ค. 61 ที่ผ่านมา ส่วนเครื่องเสียงที่เขาใช้สมัยก่อนจะเป็นเครื่องแอมป์หลอดแบบโมโน เสียงดังฟังชัดเจนไปไกลทั่วหมู่บ้าน ตัวเครื่องหนักมากยกไม่ดีหลังหักแน่นอน....
|